Hightlight
เที่ยวตุรกี ดินแดนแห่งอารยธรรมโบราณที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์น่าสนใจ แหล่งรวมมรดกโลกอันสวยงาม และสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และธรรมชาติที่สวยงามควรค่าแก่การมาสัมผัสสักครั้งในชีวิต สำหรับคนที่สนใจหาที่เที่ยวเพื่อเปิดประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ การเที่ยวตุรกี ก็เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ จนอยากชวนคุณลองมาเที่ยวสักครั้งในชีวิต
ตุรกี (Turkey) เปลี่ยนชื่อเป็น ตุรเคีย (Türkiye) แล้วตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2565 แต่ยังคงเรียกติดปากกันเช่นเดิม ว่า “ตุรกี” ว่ากันว่าตุรกีเป็นดินแดนสองทวีป เนื่องจากเป็นประเทศที่มีดินแดนตั้งอยู่ทั้งในทวีปยุโรปใต้และเอเชียตะวันตกเฉียงใต้
มาตรการเดินทางเข้าประเทศ
นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเข้าไป เที่ยวตุรกี ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า โดยที่ทาง ต.ม. จะประทับตราอนุญาต ให้เข้าเมืองได้หลายครั้ง ซึ่งอนุญาตให้อยู่ในประเทศตุรกีได้ครั้งละ ไม่เกิน 30 วัน แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 90 วัน ภายในเวลา 180 วัน ที่สำคัญพาสปอร์ตต้องมีอายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน และมีหน้าว่างไม่ต่ำกว่า 2 หน้า ใครจะมา ทัวร์ตุรกี อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่า ยังมีหน้าประทับตราเหลือพอในพาสปอร์ตของตนเองหรือไม่ มิเช่นนั้นจะถูกปฏิเสธไม่ให้เดินทางเข้าตุรกีนะคะ
สภาพอากาศและฤดูกาล
ประเทศตุรกีด้านที่ติดกับชายฝั่งด้านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจะมีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน คือ ฤดูร้อนอากาศจะร้อน และมีความแห้งแล้ง
ส่วนภูมิอากาศตอนกลางของประเทศเป็นแบบภาคพื้นทวีป จะมีความแตกต่างระหว่างฤดูอย่างชัดเจน ฤดูหนาวอากาศจะอบอุ่นมีฝนตก แต่บริเวณที่ราบสูงตอนกลาง อากาศจะหนาวเย็นจนอุณหภูมิติดลบ และอาจมีหิมะปกคลุมนานถึง 4 เดือนต่อปี
สำหรับทางฝั่งตะวันตก ฤดูหนาวอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่า 1 องศาเซลเซียส ส่วนฤดูร้อน อากาศจะค่อนข้างร้อนจัดแห้งแล้ง อุณหภูมิสูงกว่า 30 องศาเซลเซียสในตอนกลางวัน
แต่โดยรวมแล้ว จะมีทั้งหมด 4 ฤดูกาล ใครต้องการไป เที่ยวตุรกี ฤดูไหน เลือกเดือนให้ถูกแล้ว ตามนี้เลย
โซนเวลาของตุรกี
เมื่อเทียบระยะเวลาระหว่างประเทศไทยกับประเทศตุรกีแล้ว เวลาในประเทศตุรกีจะเดินช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 4 ชั่วโมง มาเที่ยวตุรกีก็อย่าลืมปรับนาฬิกาให้ตรงกับโซนเวลาของตุรกีนะคะ
สกุลเงินของตุรกี
สกุลเงินที่ใช้ในประเทศตุรกีเรียกว่า ลีราใหม่ตุรกี (New Turkish Lira) ตัวย่อสกุลเงิน TRY
ข่าวดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปเที่ยวตุรกี ปัจจุบันนี้สามารถแลกเงินตุรกีในเมืองไทยได้แล้ว
มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque)
ตะลุย เที่ยวตุรกี ที่แรกที่พาไปคือ มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque) หรือ มัสยิดสุลต่านอาห์เมต (Sultan Ahmet Mosque) ตั้งอยู่ในในกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี ที่นี่เป็นสถานที่สำคัญและมีประวัติศาสตร์เก่าแก่สร้างตั้งแต่สมัยกาหลิบ Ahmed I ยุค จักรวรรดิ์อ๊อตโตมาน ที่นี่มีหอมินาเร็ต หรือ หอสวดมนต์ 6 หอ ด้วยสถาปัตยกรรมคลาสสิกออตโตมัน จึงทำให้มัสยิดแห่งนี้งดงามและโดดเด่นมาก ภายในสร้างด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินมีโดมกลางขนาดใหญ่ ความสูง 43 เมตร กว้าง 33.4 เมตร มีพื้นที่กว้างขวาง เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าไปได้ทุกวัน โดยจะเปิดให้เข้าชมฟรี และยังเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาของชาวตุรกี ใครที่มา เที่ยวตุรกี แล้วแวะมาที่นี่แนะนำให้แต่งกายสุภาพ และสำรวมด้วยนะคะ
คัปปาโดเกีย (Cappadocia)
ดินแดนต้องมนต์แห่งนี้ เชื่อว่าใครที่มีโอกาสได้ไป เที่ยวตุรกี ก็คงไม่พลาดที่จะเผื่อเวลาไปเที่ยวชมที่ “คัปปาโดเกีย (Cappadocia)” ดินแดนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น มรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม เมื่อปี ค.ศ. 1985 จาก UNESCO นอกจากธรรมชาติที่มีความสวยงามเป็นพื้นที่ที่มีลักษณ์พิเศษ
เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อ 3 บ้านปีก่อน จึงทำให้ลาวาและเถ้าถ่านทับถมกันจนเกิดเป็นพื้นดินชั้นใหม่ขึ้นมา ที่เราเรียกกันว่าหินทูฟา ที่นี่เต็มไปด้วยด้วยหินรูปกระโจมแบบต่าง ๆ ที่ชาวพื้นเมืองเรียกกันว่า ปล่องไฟนางฟ้า(Fairy Chimney) นอกจากนี้ไฮไลต์ของที่นี่ก็คือ การขึ้นบอลลูนไปชมวิวสวยๆ ของคัปปาโดเกีย หรือ การถ่ายรูปกับวิวบอลลูนลอยเต็มท้องฟ้าอลังกาลมากเลยทีเดียว
ปามุคคาเล่ (Pamukkale)
ตะลุย เที่ยวตุรกี แห่งต่อไป คือ ปามุกคาเล (Pamukkale) หรือ ในภาษาไทยเรียกว่า ปราสาทปุยฝ้าย อีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ถ้ามา ทัวร์ตุรกี ต้องไม่พลาด ว่ากันว่าที่นี่เป็นเมืองแห่งสปาที่ค้นพบโดยชาวโรมัน มีลักษณะเป็นแอ่งน้ำหินปูนสีขาวทอดตัวยาวเกือบ 3 กิโลเมตร มีน้ำเป็นสีฟ้าสีตัดกันสวยงามมาก หากมองไกลๆแล้วจะดูเหมือนปุยฝ้ายขนาดใหญ่ แท้จริงแล้วปุยฝ้ายนั้นคือ หินปูน (Calcium Carbonate) ที่ตกตะกอนอย่างรวดเร็วในช่วงที่น้ำแร่เย็นตัวลงเมื่อโดนอากาศ จนกลายเป็น ทราเวอร์ทีน (Travertine) นั่นเอง นอกจากนี้ที่นี่จะเป็นจุดเช็คอินถ่ายรูปถ่ายรูปสวยๆแล้วยังสามารถลงไปว่ายน้ำได้อีกด้วยนะคะ
ม้าไม้เมืองทรอย (the trojan hores of troy)
มา เที่ยวตุรกี ต้องไม่พลาดที่นี่ เพราะเป็นม้าไม้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด โด่งดังมาจากมหากาพย์ภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง ทรอย (Troy) ในปี 2004 ที่มี แบรด พิตต์ เป็นนักแสดงนำ ทีมงานได้จำลองม้าไม้ขนาดใหญ่สีดำ เพื่อใช้ดำเนินเรื่องและเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของเรื่องทรอย หลังจากนั้นจึงมอบม้าไม้จำลองตัวนี้ให้กับทางการตุรเคีย เพื่อเป็นเกียรติและสร้างชื่อเสียงให้กับเมืองชานัคคาเล่ และในปัจจุบัน ม้าไม้เมืองทรอย แห่งนี้ยังเป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่นักท่องเที่ยวพากันมาเที่ยวชมและถ่ายรูปอีกด้วย
ฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia)
สายเที่ยวชมสถาปัตยกรรมและชื่นชอบประวัติศาสตร์ เมื่อมา เที่ยวตุรกี ต้องแวะมาที่นี่ ฮาเกียโซเฟีย ถือเป็นโบราณสถานสำคัญของ อิสตันบูล (Istanbul) ที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองของจักรวรรดิโรมันและจักรวรรดิไบแซนไทน์ได่ดีทีเดียว และยังได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางอีกด้วย ที่นี่มีลักษณะเป็นโบสถ์ที่ถูกสร้างขึ้นปี ค.ศ. 532 – 537 ในสมัยของจักรพรรดิจัสติเนียน (Justinian) จุดเด่นอยู่ที่ยอดโดมขนาดมหึมากลางวิหาร ทั้งด้านใน และด้านนอก มีการตกแต่งที่งดงามมากเลยทีเดียว
พระราชวังทอปกาปี (Topkapi Palace)
เยี่ยมชม ฮาเกียโซเฟีย แล้ว แวะ เที่ยวตุรกี กันต่อที่ พระราชวังทอปกาปี ที่นี่เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศตุรกี สร้างโดยสุลต่านเมห์เมดที่ 2 แห่งอาณาจักรออตโตมันหลังจากพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้ในปี ค.ศ.1996
ที่นี่แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนคือ พระราชวังชั้นนอก( บีรูน) ใช้สำหรับออกว่าราชการ ต้อนรับแขกเมือง , พระราชวังชั้นใน (เอนเดรูน) เป็นที่พำนักของมเหสี ลูกหลานของสุลต่านและ เหล่าสนม นางใน , ส่วนที่สาม ฮาเร็ม (Harem) เป็นที่พักอาศัยของผู้หญิง แต่ในปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ โดยจะมีการจัดแสดงของสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ ถ้วยชาม เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงความงดงาม ของพระราชวัง
ฮิปโปโดรม (Hippodrome) หรือ จัตุรัสสุลต่านอาห์เหม็ด (Sultanahmed Complex)
เป็นจุดศูนย์กลางของเมืองในยุคไบแซนไทน์ ซึ่งควรค่าแก่การเข้าชมเป็นอย่างมาก เที่ยวตุรกี ต้องมาที่นี่ด้วย แต่เดิมที่นี่ใช้เป็นลานกว้างสำหรับแข่งกีฬา เป็นลานแข่งม้า ปัจจุบันฮิปโปโดรมมีอนุสาวรีย์เหลืออยู่ 3 ชิ้น คือ เสา 3 ต้น ได้แก่ มีหลายส่วนที่ควรค่าแก่การเข้าชมเป็นอย่างมาก เที่ยวตุรกีต้องมาที่นี่ด้วย
หอคอยกาลาตา (Galata Tower)
สถานที่เที่ยวตุรกีสุดท้ายที่แนะนำ คือ หอคอยกาลาตา สร้างตั้งแค่ปี ค.ศ. 500 ใช้เป็นประภาคาร แต่ก็ถูกไฟไหม้ไปหลายครั้ง และได้ถูกซ่อมแซมขึ้นใหม่โดย สุลต่านเซลิมที่ 2 ต่อมาในสมัยสุลต่านสุไลมานได้ใช้หอคอยนี้เป็นที่คุมขังนักโทษ และในปัจจุบันนี้หอคอยกาลาตา เป็นสถานที่ชมวิวของเมืองไปแล้ว บริเวณรอบๆเต็มไปด้วยตึกของร้านค้า ร้านอาหาร และที่อยู่อาศัยมากมาย เหมาะสำหรับเดินเล่นชิลๆ ถ่ายรูปสวยๆ ก็ได้ฟีลเหมือนอยู่ยุโรปอยู่นะทุกคน มา เที่ยวตุรกี อย่าลืมแวะมาเช็คอินที่นี่ด้วยนะคะ
.
และนี่ก็คือข้อมูล เที่ยวตุรกี และ 8 ที่เที่ยวตุรกีสุดฟิน ที่ Bettertravel.co.thได้คัดมาให้สายเที่ยวอย่างจุใจแบบจุกๆ กันเลยทีเดียว ในการเที่ยวครั้งนี้ ใครอยากเช็กอินให้ครบ ให้ Bettertravelและ ยักษ์ทัวร์ช่วยนะคะ เรามี โปรแกรมทัวร์ตุรกี ดีๆ มากมาย ให้เลือกที่เหมาะกับคุณได้เลย